วันพฤหัสบดีที่ 16 สิงหาคม พ.ศ. 2555

พระเหรียญแบบทรงกลม










พระที่บ้าน เก็บไว้นานแล้ว บางองค์ไปทำบุญ ท่านให้มา
บางองค์ญาติผู้ใหญ่ให้มาเลยเอามาโชว์ให้ดู......

ผมชอบพระ  เพราะพระมีเอกลักษณ์ไม่เหมือนกัน 

ข้อมูลนี้ก๊ดีเหมือนกันครับ

นักโบราณคดีได้ทำการแบ่งแยกพระพุทธรูปสมัยสุโขทัยออกเป็น 5  หมวด 
ตามลักษณะที่ค้นพบ  ดังนี้คือ           
1.  หมวดใหญ่  มีลักษณะที่สำคัญที่ปรากฏพอประมวลได้คือ  พระพักตร์เป็นรูปไข่  พระรัศมีเป็นแบบเปลวเพลิง  ขมวดพระเกสาเล็กแหลม  พระขนงโก่ง  บางครั้งเป็นจุดแหลมกลางพระนลาฏ   พระนาสิกงุ้ม  ไม่มีไรพระศก  พระโอษฐ์บางเล็ก  มีปลายนิ้วพระหัตถ์ทั้ง 4  ไม่เสมอกัน  พระหนุเป็นปมมีเปลวชายจีวรยาวถึงพระนาภีทำเป็นลายเขี้ยวตะขาบ มีรอยขีดบนพระศอ   ไหวง่าย  งามสง่า  ฐานเป็นหน้ากระดานเรียบไม่มีบัวรองรับ  มักนั่งขัดสมาธิราบ
2. หมวดกำแพงเพชร   มีลักษณะโดยทั่วไปเหมือนในหมวดใหญ่  แต่มีลักษณะของวงพระพักตร์ตอนบนจะกว้างกว่าตอนล่างมากอย่างสังเกตเห็นได้ชัด พบที่จังหวัดกำแพงเพชร
3. หมวดพระพุทธชินราช มีลักษณะที่สำคัญที่ปรากฏพอประมวลได้คือ  พระพักตร์รูปไข่  มีเปลวบนยอดพระเกตุค่อนข้างสูงกว่าหมวดใหญ่มาก  พระพักตร์ค่อนข้างกลม   นิ้วพระหัตถ์ทั้ง 4  ยาวเสมอกัน  บางครั้งมีฐานบัวรองด้วย
4. หมวดพิษณุโลกชั้นหลัง  มีลักษณะทรวดทรงยาว  ดูไม่มีชีวิตจิตใจ  จีวรมีลักษณะแข็ง ชายจีวรมักทำเป็นรองอ ๆ เหมือนกับขมวดม้วนของชายผ้า    ส่วนใหญ่มักทำเป็นพระยืนสร้างขึ้นหลังจากที่สุโขทัยตกเป็นเมืองขึ้น ของอยุธยาแล้ว
5. หมวดเบ็ดเตล็ดหรือหมวดวัดตะกวน  หมวดนี้มีลักษณะเป็นแบบผสมคือ  การผสมระหว่างศิลปะแบบเชียงแสน  แบบลังกา  และแบบสุโขทัยเข้าด้วยกัน มีลักษณะที่สำคัญที่ปรากฏพอประมวลได้คือ พระพักตร์กลม  มีรัศมีแบบลังกา บางองค์มีชายผ้าสังฆาฏิสั้น  พระนลาฏแคบจากลักษณะของพระพุทธรูปดังกล่าวข้างต้นสามารถประมวลสรุปเป็น ลักษณะที่สำคัญ  โดยภาพรวมดังนี้คือ   พระพักตร์เป็นรูปไข่  พระเกตุมาลาเป็นเปลวรัศมี  ขมวดพระเกสาเล็กเป็นวงก้นหอย  พระกรรณยาว  พระขนงโก่ง  พระหนุเป็นปม   พระนาสิกงุ้ม  พระโอษฐ์เล็กและบาง  พระโอษฐ์อมยิ้ม  พระอังสาใหญ่  ชายจีวรยาวลงมาถึงพระนาภี   ปลายเป็นเขี้ยวตะขาบ  เปลือกพระเนตรอวบอูมมีลักษณะดุจกลีบบัว  ไม่มีไรพระศก  ชอบทำปางมารวิชัย  ประทับนั่งขัดสมาธิราบ  และยังพบพระพุทธรูปปางลีลาอีกด้วย           
พระ พุทธรูปในสมัยสุโขทัย ถือได้ว่ามีเอกลักษณ์เฉพาะตัวถึงแม้ว่าจะมีการผสมผสานกันจากศิลปะหลายแหล่ง แต่ก็สามารถนำมาประยุกต์เป็นศิลปะแบบสุโขทัยอันมีความสวยสดงดงาม  อ่อนช้อย  เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวในที่สุด และพระพุทธรูปในสมัยนี้ก็ยังเป็นแม่แบบของการสร้างพระพุทธรูปในสมัยต่อ ๆ มาอีกด้วย
ที่มา : เรื่อง ชำเลืองมองลักษณะพระพุทธรูปไทยสมัยต่างๆ  โดยพระมหาสุรศักดิ์  สุรเมธี  วัดอิสาน นครราชสีมา